คำแนะนำจากเจ้าสาวตัวจริง กับเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ที่อาจทำให้งานแต่งของคุณต้อง
ติดๆขัดๆทั้งที่วางแผนมาอย่างดีแล้วก้อตาม ถึงจะไม่ใช่เรื่องใหญ่
แต่ก็ควรเตรียมพร้อมให้ได้มากที่สุด
1. เค้กแต่งงานสวย…แต่เป็นแค่ม็อคอัพ
“เราสองคนไม่ทราบกันมาก่อนเลยค่ะว่าเค้กแต่งงานหลายๆ ชั้นที่ตั้งโชว์อยู่ในงาน มันเป็นเค้กม็อกอัพ เรานึกว่ามันเป็นเค้กจริงทั้งหมด แต่จริงๆ แล้วมันจะมีเนื้อเค้กอยู่แค่ด้านล่างซึ่งเขาจะทำเอาไว้ให้คู่บ่าวสาวตัดออกมาเอาไปให้คุณพ่อคุณแม่พอแค่เป็นพิธี…พอถึงตอนเราตัดเค้กก็รู้สึกว่าทำไมมันแข็งจัง ก็มองหน้ากับเจ้าบ่าว แล้วเราสองคนก็ออกแรงตัดลงไปอีกพร้อมกัน ปรากฏว่าเค้าชั้นบนกระเด็นตกลงมาเลยค่ะ เราก็ตกใจ เพิ่งรู้ว่าเป็นเค้กปลอม เจ้าบ่าวก็เลยออกตัวไปว่าเขาเพิ่งแต่งงานเป็นครั้งแรกเลยไม่ทราบ แขกก็หัวเราะกันใหญ่ ก็โอ.เค. ค่ะ กลายเป็นสีสันและเป็นเรื่องที่หลายคนนึกถึง”
2.พรีเซ็นเตชั่น…สะดุดหยุดเอาดื้อๆ
“ในช่วงก่อนที่คู่บ่าวสาวจะเดินเข้างาน ก็จะมีการเปิดพรีเซ็นเตชั่นที่เราเตรียมกันมา เป็นการแนะนำคู่บ่าวสาวปรากฏว่าฉายไปสักพักประมาณกลางเรื่อง มันก็หยุดเอาดื้อๆเลยค่ะ ทำยังไงก็ไม่เล่นต่อ wedding planner ก็เลยต้องแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า ปล่อยคิวเพลงและให้คู่บ่าวสาวเดินเข้ามาเลย จริงๆก่อนหน้านั้นเราก็มีการเช็กกันแล้วนะคะเปิดกับเครื่องของโรงแรมเลยด้วย ซึ่งไม่มีปัญหาเลย เล่นได้ตลอดจนจบ พอวันจริงกลายเป็นว่าเล่นได้แค่ครึ่งเดียว แต่เราก็รันงานกันต่อไปได้ค่ะ”
3.สิวเจ้ากรรมมาขึ้นวันแต่งงาน
“ปกติเป็นคนไม่มีสิวนะคะ แล้วพวกสิวเม็ดใหญ่ ๆ ก็ไม่ค่อยเป็นด้วย แต่พอถึงวันงานแต่งงาน ตื่นขึ้นมาก็พบว่าสิวขึ้นกลางหน้าผากเลยและเม็ดใหญ่มาก นาทีนั้นทำอะไรไม่ได้แล้ว ก็คิดว่าอย่าไปกังวลมันเลย ตอนแต่งหน้าก็ให้ช่างแต่งหน้าช่วยแต้มคอนซีลเชอร์ก็คงพอช่วยได้ และถ้าตอนถ่ายภาพก็ค่อยให้ช่างภาพไปรีทัชให้ผิวเนียนขึ่นอีกที แต่วิธีป้องกันที่ดีที่สุดคือ เจ้าสาวควรจะพักผ่อนให้มากๆค่ะ”
4.อย่าลืมเตรียมซองเผื่อไว้ที่หน้างาน
“วันนั้นเราลืมเตรียมซองแดงไปเผื่อไว้ค่ะ คือแขกบางท่านไม่ได้ถือซองการ์ดแต่งงานมา เขาก็จะมาขอซองหน้างาน เราไม่ได้เตรียมกันไว้เลย ก็ต้องไปวิ่งหาซื้อซองแดง เพราะทางโรงแรมมีแต่ซองขาว ซึ่งแขกบางคนไม่อยากได้ และปากกาเซ็นอวยพร ถ้าใช้เป็นปากกาสีๆ จะสวยกว่า เพราะทางโรงแรมจะมีแต่ปากกาสีดำเตรียมไว้ให้”
5.ลงรายละเอียดเรื่องดอกไม้
“ถ้าให้ช่างดอกไม้มาตกแต่งในงานต้องคุยให้เคลียร์เลย คือมันไม่สามารถกำหนดได้ว่าดอกไม้ต้องมีครบกี่ดอก แต่ที่ควรแพลนในงานคือดอกไม้ที่เซ็ตไว้มีจุดไหนบ้าง ให้ดูความสมเหตุสมผล ซึ่งก่อนที่จะเลือกเขามาจัดให้เราคงต้องดูงานของช่างดอกไม้มาก่อนแล้วถึงตัดสินใจเลือกเขา ก็ให้แพลนไปเลยว่าจะมีกี่จุด และช่วงไหนที่ต้องใช้ดอกไม้แน่นๆต้องกำหนดกันให้ชัดเจน จะได้ไม่มีปัญหาและจัดออกมาได้อย่างที่เราต้องการ”
6.สั่งซื้อชุดจากต่างประเทศ
“ข้อดีของการซื้อชุดจากดีไซเนอร์ต่างประเทศก็คือ ชุดอาจไม่ซ้ำรูปแบบ แต่ก็มีปัญหาในเรื่องฟิตติ้ง เวลาไปซื้อถ้าชุดมีการปรับแก้เล็กน้อยก็อาจรอรับได้เลยแต่ถ้าแก้เยอะต้องใช้เวลา เราต้องไปบินกลับไปลองอีกรอบ ตอนก่อนงานเรามาลองชุด ปรากฏว่าผอมลง ชุดหลวมมากใส่แล้วดูไม่สวยเลย ต้องไปหาสุ่มมาใส่ และต้องให้ช่างที่เมืองไทยปรับเลื่อนกระดุม ซึ่งเจ้าสาวก็ควรจะลองชุดอีกครั้งก่อนถึงวันงานจริงสักหนึ่งสัปดาห์ เพราะถ้ามีปัญหาอะไรจะได้แก้ไขทันค่ะ”
7.ชุดแต่งงานยาวกรุยกราย
“เราเลือกชุดแต่งงานที่ทิ้งชายกระโปรงยาวมาก เพราะชอบรู้สึกใส่แล้วดูเป็นเจ้าหญิง แต่ก็ต้องทำใจเพราะชุดจะมีน้ำหนักค่อนข้างมาก เวลาเดินเหมือนจะไปกวาดทุกสิ่งทุกอย่างต้องเดินแบบตีโค้ง เพื่อไม่ให้สะดุดกระโปรงตัวเอง แม้จะมีปัญหาบ้างแต่คิดว่าเราไม่ได้ใส่ชุดแบบนี้บ่อยๆ ถ้าเป็นไปได้ควรใส่แล้วฝึกเดินให้ชินก่อนถึงวันงานก็จะดีค่ะ”
8.การ์ดเชิญ…ต้องตรวจเช็ค
“เรามีปัญหาเรื่องส่งการ์ดเชิญทางไปรษณีย์แล้วหาย คือหายเยอะ ไม่ทราบเหมือนกันว่าเพราะอะไร แนะนำว่าถ้าไม่คิดจะจ้างใครมาช่วยเตรียมงาน ในส่วนของการแจกการ์ดเชิญก็ควรหาคนมาช่วยค่ะ เพราะจะได้มีคนคอยเช็กกับแขกที่เชิญว่าได้รับการ์ดหรือยัง แล้วพอใกล้ๆวันงานโทรไปคอนเฟิร์มอีกที ซึ่งตอนนั้นเรามาเช็กกันอีกครั้งก่อนงานปรากฏว่าการ์ดหายไปเกือบครึ่ง ต้องรีบส่งไปใหม่ แต่ยังดีที่ตรวจเช็กกันอีก เพราะแขกผู้ใหญ่บางท่านอาจเข้าใจผิดว่าเราไม่เชิญ ก็ต้องระวังเรื่องนี้ด้วยค่ะ”
9.เตรียมเต็นท์ให้ครบถ้วน
“ถ้าคุณเลือกจังงานที่เป็นอาต์ดอร์ สิ่งหนึ่งที่ต้องเผื่อไว้คือเรื่องของฝน คือให้เตรียมงบสำหรับการเช่าเต็นท์ซึ่งไม่ไช่แค่เต็นท์กันฝนให้แขกเท่านั้น แต่ยังต้องมีเต็นท์สำหรับทีมงานที่มาจัดเตรียมเรื่องอื่นๆ เช่น พวกอุปกรณ์ไฟ เครื่องเสียง ต้องเผื่องบประมาณตรงนี้ไว้ให้ดีด้วย และควรหาจองเต็นท์ก่อนล่วงหน้าเพราะถ้าหากเป็นเต็นท์ดีๆคิวอาจเต็มก็ได้”